ทำเนียบภาษาที่เกิดจากการใช้ภาษาตามสถานการณ์
ในสถานการณ์ที่ต่างกันนั้นผู้ใช้ภาษาจะใช้ภาษาที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป รูปแบบหรือลักษณะของวิธภาษาที่แตกต่างกันตามสถานการณ์การใช้ภาษานี้เรียกว่า วัจนลีลา (style / speech style)
วัจนลีลาในสังคมไทยแบ่งออกได้กว้างๆ เป็น 2 ระดับ คือ วัจนลีลาเป็นทางการ (ระดับสูง) และ วัจนลีลาไม่เป็นทางการ (ระดับต่ำ) วัจนลีลาเป็นทางการ คือรูปแบบภาษาไทยที่มีลักษณะสมบูรณ์ในทุกด้าน เช่น คำว่า มหาวิทยาลัย ออกเสียงอย่างชัดเจนว่า มะ – หา – วิด – ทะ – ยา – ลัย คำว่า อย่างนี้ ออกเสียงอย่างชัดเจนว่า อย่าง – นี้ รูปประโยคก็สมบูรณ์ ไม่มีการละประธาน วัจนลีลาประเภทนี้ใช้ในการกล่าวสุนทรพจน์ กล่าวรายงานต่อบุคคลที่มีสถานภาพทางสังคมสูงกว่า เป็นต้น ส่วนวัจนลีลาไม่เป็นทางการนั้น มีลักษณะตรงกันข้าม คำว่า มหาวิทยาลัย อาจจะกลายเป็น มะหาลัย คำว่า อย่างนี้ อาจจะกลายเป็น ยังงี้ ประโยคที่พูดก็อาจจะละประธานได้ วัจนลีลาประเภทนี้ใช้พูดกับคนที่ใกล้ชิดหรือต่ำกว่า หรือพูดเรื่องเล่นๆ ไม่จริงจัง
วัจนลีลาที่ต่างกันเกิดจากการใช้รูปภาษาให้ต่างกันตามสถานการณ์ อันเกิดจากปัจจัย 4 ประการรวมกันคือ กาลเทศะ เรื่องที่พูด ความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง และทัศนคติของผู้พูด
ทำเนียบภาษาที่เกิดจากวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน
ทำเนียบภาษาที่เกิดจากวัตถุประสงค์ที่ต่างกันอาจเรียกว่า “ภาษาเฉพาะกิจ” ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ภาษาเพื่อขอบคุณ ขอโทษ ขอร้อง ทักทาย อำลา ถามเอาข้อมูล ฯลฯ ภาษาเฉพาะกิจที่เด่นๆ ของไทย ได้แก่ ภาษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อโน้มน้าวชักจูงผู้ฟังให้เชื่อหรือคล้อยตามเรียกว่า ภาษาโฆษณา ภาษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งข้อเท็จจริงหรือรายงานเหตุการณ์ตางๆ ซึ่งเรียกว่า ภาษาข่าว ภาษาที่ใช้เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์หรือระเบียบให้คนยึดถือปฏิบัติตาม ซึ่งเรียกว่า ภาษากฎหมาย ภาษาที่ใช้เสนอความจริงอย่างชัดเจน ไม่มีอคติ ซึ่งเรียกว่า ภาษาวิทยาศาสตร์ และภาษาที่ใช้เพื่อการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจการธุรกิจต่างๆ ซึ่งเรียกว่า ภาษาธุรกิจ เป็นต้น
ทำเนียบภาษาที่เกิดจากการใช้สื่อต่างประเภทกัน
ภาษาที่ใช้อาจแปรไปตามวิธีการสื่อสารด้วย ภาษาที่สื่อทางโทรศัพท์ โทรเลข โทรสาร จดหมาย หรือพูดตัวต่อตัวย่อมมีลักษณะต่างกัน เพราะสื่อเป็นตัวบังคับให้ภาษาที่ใช้มีรูปลักษณะต่างกันไป ภาษาโฆษณาอาจจะใช้ภาษาต่างประเทศ และคำสร้างใหม่มากกว่าภาษาประเภทอื่น เพราะต้องการโน้มน้าวผู้บริโภค ภาษาที่ใช้ทางโทรศัพท์อาจจะเยิ่นเย้อและใช้ประโยคซ้ำมากกว่าการพูดกันต่อหน้า เพราะเป็นการสื่อชนิดที่ไม่เห็นหน้ากัน ในขณะเดียวกัน การใช้ภาษาในการเขียนจดหมาย แม้จะใช้ภาษาพูด แต่เนื่องจากมีเวลาคิดมากกว่า จึงมีภาษาเขียนเข้ามาปะปน ส่วนภาษาในโทรเลขจะมีลักษณะสั้นพอได้ใจความ ในปัจจุบันแม้จะไม่มีผู้นิยมใช้โทรเลขแล้ว แต่ลักษณะภาษาที่ใช้ก็ยังติดเข้ามาในสื่อแบบใหม่ นั่นคือ การสื่อสารทางอีเมล หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีลักษณะสั้น กระชับ
ในข้อที่ว่าด้วยเรื่องการใช้คำนั้น จะเห็นได้ว่าการแปรเสียงในคำ และการเปลี่ยนแปลงคำนั้น แม้บางเรื่องจะเป็นธรรมชาติของภาษา แต่เมื่อจะนำมาใช้ในทำเนียบภาษาประเภทต่างๆ ก็จำเป็นต้องพิจารณาให้เหมาะสมด้วย ยกเว้นบางคำซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาที่ใช้ในปัจจุบันแล้ว เช่น ใคร ไหน ตะขาบ สะดือ ตะไคร้ มะขาม อะไร ฯลฯ
อะไรคือทำเนียบภาษาธุรกิจ แล้วธุรกิจทั่วไปใช้อะไร
ตอบลบ